ผมเชื่อว่าใครก็ตามที่เป็นคอหนังน่าจะคุ้นเคยกับเว็บไซต์วิจารณ์ รายงานด้วยข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุดเกี่ยวกับ ภาพยนตร์ยอดนิยม เช่น เว็บไซต์ IMDB หรือ Rotten Tomatoes และเป็นที่นิยมมาก หลายๆ คนเคยเลือกหนังจากบัญชี Rating ของ 2 เว็บข้างต้น ก่อนที่จะดูหนังทั้งสองเรื่อง ในบทความนี้ เราจะเอาใจคอหนังด้วยรายชื่อภาพยนตร์ยอดนิยม ที่มีผู้โหวตมากที่สุด และเว็บไซต์ IMDB ส่วนใหญ่จะแสดงภาพยนตร์ อันดับแรกๆแต่ละเรื่องในรายการภาพยนตร์ 250 อันดับแรกของเว็บไซต์ เชื่อว่าหลายคนน่าจะดูหนังในรายการนี้ไม่มากก็น้อย และน่าจะเป็นหนังเรื่องโปรดของใครหลายคน
เว็บไซต์ IMDB คือ ? มีวิธีให้คะแนนหนังอย่างไร และวิธีโหวต
เว็บไซต์ IMDB เป็นเว็บไซต์ฐานข้อมูลภาพยนตร์ทั่วโลก จากนักแสดง นักร้อง และอื่นๆ อีกมากมาย ชื่อเต็มคือ Internet Movie Database เว็บไซต์ IMDb.com มีมาตั้งแต่ปี 1990 และถูกซื้อโดย Amazon.com ในปี 1998 มีข้อมูลหนังออกมามากมาย และได้รับความนิยมในการใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง หากคุณกำลังมองหาหนังหรือซีรีส์ นักแสดง ผู้กำกับ เรื่องย่อ ปีที่เข้าฉาย ประเทศที่เข้าฉาย ฯลฯ หากคุณต้องการทราบเกี่ยวกับคุณสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์นี้
ความน่าสนใจเกี่ยวกับ IMDb
นอกจากข้อมูลภาพยนตร์จากทั่วโลกแล้ว เว็บไซต์ IMDb ยังเป็นชุมชนสำหรับนักดูหนังอีกด้วย เปิดให้ผู้คนจากทั่วโลกให้คะแนนภาพยนตร์ที่ดูแล้ว รวมถึงแสดงความคิดเห็นบนเว็บไซต์ได้ทันทีเพราะเป็นเว็บไซต์ภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก เมื่อพูดถึงการจัดเรตภาพยนตร์ภาพยนตร์ยอดนิยม เรามักจะใช้คะแนนผู้ชมของ IMDb เป็นข้อมูลอ้างอิงว่าผู้คนทั่วโลกรับชมภาพยนตร์อย่างไร
คะแนนของ IMDb มาจากไหนบ้าง?
เรทติ้งหรือเรทติ้งของหนังแต่ละเรื่องจะมาจากการโหวตของผู้คนทั่วโลก เพียง สมัครสมาชิกบนเว็บไซต์ ไปโหวตทันที คะแนนอยู่ในช่วง 1-10 แน่นอนว่าบางครั้งจะมีการหมุนเวียนคะแนนจากแฟนคลับ หรือกลุ่มคนที่ยังไม่ได้ดูหนังแต่ไม่ชอบนักแสดง อาจดูเหมือนว่าจะลงคะแนนให้เด็กที่ต่ำกว่า
ดังนั้นขอแนะนำให้มีผู้ลงคะแนนในระดับหนึ่งหากคุณต้องการสมัครรับการคัดเลือกจากเว็บไซต์ ประมาณหลักแสนขึ้นไป อย่างไรก็ตาม คนเรามีรสนิยมในการดูหนังที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เรทติ้งของหนังที่เราชอบจะไม่สูง หนังที่เราไม่ชอบก็ได้คะแนนสูง
ภาพยนตร์ที่คะแนนสูงที่สุด ในเว็บไซต์ IMDB
The Shawshank Redemption (1994)
สร้างจาก เจ้าสัวสยองขวัญ ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของแอนดี้ นายธนาคารที่ถูกคุมขังเพราะฆ่าภรรยาของเขา และนายหญิงของเขาทำให้เขาถูกคุมขังในเรือนจำ Shawshank ซึ่งเขาได้พบกับ Red ชายผิวดำที่อยู่ในคุกแห่งนี้มาหลายสิบปี ต่อมาทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน และ Andy ก็ได้พัฒนามิตรภาพมากมายกับเพื่อนนักโทษของเขา ที่เขาไม่ได้สัมผัสกับโลกภายนอก
หนึ่งในภาพยนตร์ดราม่าที่ดีที่สุด แม้ผ่านมากว่า 20 ปี หลายฉากของภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงเป็นที่พูดถึง หนังเก่าตราตรึงคนดู หน้าใหม่ โดยเฉพาะธีมของมิตรภาพ และฉันหวังว่าหนังจะส่งผลดี ไม่แปลกใจเลยที่หนังเรื่องนี้จะถูกดัดแปลง
The Godfather (1972)
สุดยอดตำนานภาพยนตร์มาเฟีย กำกับโดย ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงจากนิยายของมาริโอ พูโซ บอกเล่าเรื่องราวของดอน วิโต โคลโอเน มหาเศรษฐีชาวอิตาลีที่รู้จักกันมานาน เลี้ยงครอบครัวจนถูกแก๊งค้ายาเล่นงาน และแก๊งของเขาต้องหาคนมาสืบทอดเจตนารมณ์ของดอน นั่นก็คือ ไมเคิล ลูกชายของดอน ที่เพิ่งกลับจากการรับใช้ชาติหลังจากที่ไมเคิลเข้าสู่วงการเจ้าพ่อ และกอบกู้ศักดิ์ศรีของครอบครัวกลับคืนมาอีกครั้ง
หนึ่งในหนังมาเฟียที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ภาพยนตร์เรื่องนี้พาผู้ชมไปพบกับโลกของมาเฟียอิตาลีอย่างแท้จริง ในส่วนของตัวละครนั้นหนังถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีมิติ โดยเฉพาะ Don และ Michael Coleone หนังสะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก และอิทธิพลของชนเผ่าของพวกเขาที่มีต่อผู้คนก็แข็งแกร่ง และการแสดงของ Maron Brando ในบท Don ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม พิมพ์มาจนถึงทุกวันนี้ พร้อมประโยคเด่น “ฉันจะเสนอ ที่คุณปฏิเสธไม่ได้”
The Godfather – Part II (1974)
ภาพยนตร์ซีรีส์ภาคสองของ The Godfather จะพาทุกคนไปพบกับเรื่องราวของ Michael Coleone หลังจากที่เขาสวมบทบาทหัวหน้าครอบครัว เขาต้องเจอปัญหาแน่ๆ และอุปสรรคใหม่ที่ยากและยากกว่าเดิม พร้อมกันนี้ ภาพยนตร์จะพาทุกคนย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของครอบครัว Coleone ในโลกมาเฟีย จุดเริ่มต้นของวัยหนุ่มของ Don Colione และการที่เขากลายเป็นผู้มีอิทธิพล บุคคลนี้สำคัญไฉน? และต้องฝ่าฟันอุปสรรคอะไรบ้าง
หลังจากประสบความสำเร็จในภาคแรก ภาพยนตร์เรื่องที่สองนี้พาผู้ชมผ่านครอบครัวโคลโอเนเข้าสู่โลกของมาเฟีย นอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้สองดาราดังแห่งยุคร่วมงานกันเป็นครั้งแรก โรเบิร์ต เดอ นีโร และอัล ปาชิโน (ทั้งคู่ไม่ได้แสดงร่วมกันในภาพยนตร์ทั้งสองเรื่อง) มาเฟียรุ่นพ่อ และรุ่นลูก มาแรงจนหลายคนเรียกเขาว่า “เจ้าพ่อ” ภาคโปรดของทั้ง 3 ภาค
The Dark Knight (2008)
Bruce Wayne (Christian Bell) กลายเป็นแบทแมนในเวลาต่อมา และปกป้องเมืองก็อตแธมอย่างเต็มที่ เป้าหมายใหม่ของแบทแมนคือการตามล่าโจ๊กเกอร์ผู้บงการอาชญากร ผู้อยู่เบื้องหลังการจลาจลทั่วเมือง ขณะเดียวกัน ฮาร์วีย์ เดนท์ อัยการผู้มีอุดมการณ์ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในก็อตแธม ซึ่งบรูซเองก็เชื่อว่าสามารถเป็นฮีโร่คนใหม่ของก็อตแธมแทนแบทแมนได้ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาคือเป้าหมายหลักของโจ๊กเกอร์
เมื่อพูดถึงผลงานชิ้นเอกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ภาพยนตร์ยอดนิยม ของ โนแลน ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องเป็นอันดับหนึ่ง และเป็นหนึ่งในหนังอาชญากรรมที่ดีที่สุดที่เคยมีมาในโลกนี้ หนังมีโทนมืด จริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันพาผู้ชมเข้าไปในความมืดของเมืองก็อทแธม ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทอดได้ชัดเจนกว่าภาคที่แล้วมาก และเป็นการแสดงสดครั้งสุดท้ายของ Heath Letger ในบทโจ๊กเกอร์ที่แสดงเนื้อหาส่วนใหญ่ของภาพยนตร์ ถ่ายทอดความบ้า ความบ้า และความอัจฉริยะของตัวร้ายตัวนี้ได้อย่างทรงพลัง ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้คว้าสองรางวัลออสการ์มาได้ นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Heat Letterr) และตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม (Richard King)
12 Angry Men (1957)
เรื่องราวของ 12 ลูกขุนที่ต้องตัดสินคดีอาญา ผู้ต้องสงสัยเป็นเด็กผู้ชาย คนในห้องประชุมนี้ส่วนใหญ่กำลังเกาะกระแสอยู่ เตรียมตัดสินว่าเด็กมีความผิด แล้วมีผู้ชายคนหนึ่งลุกขึ้นมาโต้เถียง อาจจะไม่ใช่เด็กที่เป็นคนทำ 1 สู่ข้อพิพาทอันตึงเครียดกรณี 12 ชีวิตตกอยู่ในอันตราย
เจ้าของผลงานนักสืบที่เป็นหนึ่งในผลงานขายดีของ Sidney Lumet หนังระทึกขวัญอย่าง ‘Murder on the Orient Express’ และ ‘Dog Day Afternoon’ ความโดดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้คือบทที่เราจะได้เห็นคน 12 คนโต้เถียงกันในห้องตลอดทั้งเรื่องโดยไม่รู้สึกน่าเบื่อเลยสักนิด เรากำลังพยายามจัดการกับปัญหาด้านศีลธรรม ความซื่อสัตย์ และมโนธรรมของผู้คนด้วยภาพยนตร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ติดได้เนื่องจากบทสรุปที่แตกต่างกันของตัวละคร และชวนคุณลุ้นตั้งแต่ต้นจนจบ
Schindler’s List (1993)
เว็บไซต์ IMDB ภาพยนตร์สร้างจากเรื่องจริงของนักธุรกิจชาวเยอรมัน ออสการ์ ชินด์เลอร์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เดินทางไปโปแลนด์เพื่อสร้างโรงงานของเขาจนกระทั่งกองทัพนาซีไล่ตามพลเมืองโปแลนด์เชื้อสายยิวเพื่อจับกุมและสังหารพวกเขาอย่างโหดเหี้ยม เหยื่อส่วนใหญ่ของโศกนาฏกรรมครั้งนี้เป็นคนงาน และชินด์เลอร์เองก็เห็นความโหดร้ายของทหารนาซีหลายครั้งหลังจากชินด์แลนด์ เขาตัดสินใจช่วยคนงานชาวยิว ด้วยการใช้กำลังและทำรายชื่อชาวยิว ผู้ติดต่อบอกว่าเขาสามารถอพยพได้ และคราวนี้เขารอดพ้นจากการประหัตประหารของทหารนาซี
ผลงานที่ดัดแปลงจากนวนิยายของ โธมัส แคลนีลลี โดย สตีเวน สปีลเบิร์ก ซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับเวทมนตร์คาถาของฮอลลีวูดตลอดกาล สะท้อนถึงความดุร้าย สงครามโลกครั้งที่ 2 และความรุนแรงของทหารนาซี ทำออกมาได้เศร้า สะเทือนใจ ตลอด 3 ชั่วโมงของหนัง ประกอบกับการที่หนังใช้ภาพขาวดำตลอดทั้งเรื่องทำให้เรารู้สึกมืดมน และตกใจกับหนังเรื่องนี้มากขึ้น โดยเฉพาะฉากเด็กสาวในชุดแดง มันเป็นฉากสะเทือนอารมณ์กลางสนามรบที่เต็มไปด้วยความตาย และสำหรับใครหลายคนมันเป็นเรื่องยากที่จะลืม